วันจันทร์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ราหูจะอมจันทร์ ฉากที่ 3

วันจันทร์ที่ 16 ให้รักได้มาทักทาย
องอาจxเติ้ล

“ไอ้เติ้ล”
“อยู่เฉยๆ เถอะน่า” มือซีดผอมเลื่อนหัวกางเกงของเขาลง ควักแท่งไวต่อความรู้สึกของเขาออกมา ก่อนจะครอบด้วยปากอุ่นของมัน
“อึก”
แท่งร้อนผงาดขึ้นไม่ยาก ขนาดที่แน่นเต็มปากทำเอาเขาได้เห็นสีหน้าที่ไม่เคยเห็นของคนด้านล่าง และไม่นานปากที่ต่อสู้กับความแข็งขืนไม่ไหวก็ยอมแพ้ถอยออกไปไอแค่กๆ
“ไงต่อ อยากได้ขนาดนั้นก็พยายามหน่อยสิ มึงคงไม่คิดว่ามันจะยอมสงบลงเพียงแค่เห็นมึงน้ำตาซึมหรอกนะ”
“กูแค่ไม่ถนัด มึงลองนั่งลงสิ”
องอาจยอมถอยไปนั่งบนเตียงตามคำขอ ปล่อยให้ส่วนที่ถูกกระตุ้นผงาดรอการท้าทายครั้งใหม่
คนที่เช็ดปากตัวเองลวกๆ เดินเข้ามาอีกครั้ง ครอบริมฝีปากลงส่วนแดงเทือก และยัดเข้าไปถึงคอ ชักเข้าชักออกด้วยความทรมาน เมื่อดูท่าใช้ปากจะไม่ไหวก็ปลดกางเกงตัวเองออก สอดนิ้วไปยังโพรงนิ่มด้านหลัง เมื่อทางเปิดดีแล้วก็ถอดปากตัวเองออก ขึ้นไปนั่งคาบส่วนที่โด่อยู่บนเตียง
องอาจจ้องมองคนที่พยายามจับแท่งอุ่นของเขาจ่อที่ร่างกายสั่นๆ ของตัวเอง กดช่วงล่างตนลงด้วยท่าทางลำบาก
“มึงเชิญชวนกูเองนะ” เขาว่า จับกายที่เชื่อมต่อกันพลิกลงบนเตียง เล่นเอาร่างกายที่ถูกเบียดเสียดร้องลั่น แต่ก็รีบยกมือขึ้นอุดปากตัวเองไว้
มือใหญ่ถลกเสื้อนักศึกษาขึ้น ก้มลงเลียตุ่มไตสีหวาน และขยับสะโพกเข้าออก
“อื้อ อื้อ”
ภาพที่กายผอมบางถูกรุมด้วยชายกลุ่มหนึ่งย้อนกลับเข้ามาภายในหัว ทั้งที่บอกกับตัวเองว่าลืมแล้ว แต่เปล่า เหมือนความโกรธเกรี้ยวยังคลั่งอยู่ในตัวเขา อยากจะลบ ลบทุกอย่างที่ร่างกายนี้ผ่านมา
โชคดีหน่อยที่คนกินยากล่อมประสาทหลับไปหลังยกแรกจบลง ไม่งั้นองอาจก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองจะทำบ้าอะไรลงไปอีก เขาเกลี่ยเส้นผมจากใบหน้าอ่อนล้า ดึงยาที่ซ่อนอยู่ออกมา จ้องมองมัน เครียดอะไรถึงกับต้องพึ่งของพรรณนี้

วันพฤหัสบดีที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ราหูจะอมจันทร์ คัทซีน ฉากที่ 2

วันจันทร์ที่ 15 กว่าความรู้สึกจะมาบรรจบกัน

“แกล้งตายกูก็ไม่ปล่อยมึงไปแล้วล่ะนะ”

“รู้แล้วล่ะน่า” จันทร์เจ้าพูดเสียงอู้อี้ภายใต้อกอุ่น หัวใจเต้นตู้มต้ามเมื่อถูกวางอย่างบรรจงบนฟูก กระชับวงแขนกอดไหล่กว้าง หลับตาปี๋รับสัมผัสเล้าโลม แต่พอถูกเลียใบหูร่างกายก็ลู่ตามแรงชักจูงไปง่ายๆ
ราหูยกตัวขึ้นมองคนหอบแฮ่กๆ ใต้อาณัติ หยิบซองสี่เหลี่ยมสีดำบนเตียงออกมาเปิดด้วยปาก ฝืนบังคับยัดขนาดที่ไม่ได้เหมาะกับเขาคลุมแท่งร้อน และมันก็ฉีกขาดออก
“พรืด...” เสียงหัวเราะดังขึ้นจากคนแอบมอง ราหูถึงกับดึงชิ้นส่วนบางๆ นั้นทิ้ง โถมตัวลงทับคนที่มีเรี่ยวแรงกลับมา ทั้งที่เมื่อกี้ยังทำเหมือนขาดอากาศหายใจอยู่
“หืม มีอะไรน่าขำงั้นหรอ”
“เปล่า ไม่ได้ขำสักหน่อย คิก คิก- ไม่ใช่นะ เมื่อกี้แค่ทดสอบเสียง”
“เห.......” ราหูยกยิ้มกว้าง เลื่อนมือผ่านซอกขาเรียวและยกขึ้น
“จะ จะทำอะไร”
“ถุงยางเล็กไปก็ไม่ต้องใช้แล้วกัน”
“เดี๋ยวๆ กูขอเวลานอก”
จันทร์เจ้ากัดฟันแน่น ถึงจะเคยชินจากปลายนิ้วที่แหวกทางมาก่อนหน้านี้ แต่ขนาดของสิ่งใหม่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด ทั้งที่แค่ดุนดันอย่างหยอกเย้าที่ปากทางเข้าเล่น ก็อึดอัดจนน่าใจหาย ตอนหัวเราะเพราะเห็นผู้เชี่ยวชาญดูเงอะงะดันไม่ได้คิดว่าไอ้ที่ถุงยางใส่ไม่ได้ จะต้องมาใส่ในตัวเขา
“อย่าเกร็ง”
“อื้อ” ตัวของเขาสั่นระริก สัมผัสได้ถึงสิ่งแปลกปลอมที่พยายามแหวกเข้ามาในร่างกาย
“จะ เจ็บ” มือขาวสาวหาที่ยึด ร่างกายบิดเกรี้ยวด้วยความปวดร้าว มือใหญ่ที่พยายามจับแท่งร้อนมุดผ่านรูรักชะงัก เปลี่ยนไปจับมือที่กำอยู่บนผ้าปูมาวางไว้บนไหล่ ก้มลงจูบริมฝีปากที่เม้มสนิท แต่คนที่กัดฟันตัวเองแน่นก็ยังไม่ผ่อนคลายลง
“หยุดไหม”
“ฮึก” เขาคิดไว้แล้วว่าตัวเองจะไม่ร้องไห้ แต่มันก็เจ็บเกินกว่าจะยิ้มรับได้ เมื่อเห็นท่าทางของเขาคนถามก็ดูจะถอยออก จันทร์เจ้ารีบคว้าลำคอใหญ่ไว้ กายใหญ่สั่นสะท้านไม่ต่างกับเขา แค่นึกว่ามันต้องเป็นฝ่ายอดทนมาตลอด ความกลัวที่ต้องให้มันจบลงก็ตามมา
“ฮือออ กูทนไหว” แค่ต้องกัดฟันไว้แน่นๆ
ราหูรู้สึกตกใจ แต่ก็ยิ้มอ่อนออกมา กอดแผ่นหลังเรียบเนียนที่ยกขึ้นเหนือฟูกนอน รักจนเหมือนจะบ้าตาย
“รักมึงนะ”
“อะไรล่ะนั่น”
“ดันทำตัวไม่ค่อยเท่เท่าไหร่ ต้องการมึงจนไม่มีความใจเย็น ทั้งที่อยากถนอมอย่างดีแท้ๆ”
“ไม่ใช่สาวน้อยสักหน่อย ไม่ต้องฝืนในสิ่งที่ตัวเองไม่ถนัดหรอก”
“แน่ใจหรอพูดออกมาแบบนั้น ถ้าทำต่อจะไม่หยุดอยู่ที่เบาๆ นะ”
“แล้วกูบอกหยุดตอนนี้ทันหรือไง”
“มึงพลาดโอกาสครั้งสุดท้ายในชีวิตไปตั้งแต่ลุกขึ้นมากอดกูแล้ว”
รอยยิ้มกว้างฉายขึ้นบนใบหน้าคมคาย ก่อนจะโน้มเข้าจูบคนเขินอาย จันทร์เจ้าหลับตาลง รู้สึกผ่อนคลายลงกว่าเมื่อกี้ ถึงจะรับรู้ถึงแรงกระตุกตุบๆ ที่เรียกร้องผ่านประตูเข้ามาด้านใน แต่เขาก็เพียงแค่กอดร่างกายกำยำเอาไว้ ผ่อนลมหายใจออกช้า และเปิดตามองใบหน้ากลั้นอารมณ์
ราหูเปิดตาขึ้น มองคนที่วางมือแตะบนหน้าของเขาก่อนที่เจ้าตัวจะยิ้ม
“หน้ามึงโคตรสุดยอดเลย”
“หนวกหูน่า” ราหูก้มลงกอดกายภายใต้ร่างอีกครั้ง ดันความอดกลั้นเข้าไปจนสุด รับรู้ได้ว่ามีเสียงฉีกขาดผ่านร่างกายเราทั้งคู่ จนเขาไม่กล้าขยับไปอึดใจ
“ลองมาเป็นคนที่รักมากอย่างกูสิ”
“คิก ไม่ล่ะ กูชอบที่จะถูกรักมากกว่า”
“งั้นก็รับความรักจากกูไป”
“อ๊า~~ อย่าเพิ่งขยับ”
เจลที่คลั่งอยู่ด้านในไม่อาจบรรเทาแรงเสียดสีได้ ริมฝีปากอุ่นครอบลงจูบหน้าอกที่เด้งขึ้นตามแรงกระแทก ปลายลิ้นนุ่มดุนตุ่มสีหวาน หมุนวนและขบลงเบาๆ สะโพกหนาเลื่อนเข้าหาช่วงล่างที่ไถไปตามแรงกระแทก ขยับอย่างเป็นงาน จับเอวคอดไว้ด้วยสองมือและเร่งความเร็ว
เสียงที่เคยกลัดกลั้นดังระงมไปตามเสียงกระทบของเนื้อปะทะเนื้อ ร่างกายผอมภายใต้กายล้ำสันโก่งงอนบิดเร้า มือใหญ่ช้อนแผ่นหลังนอนไม่ติดฟูกขึ้น เปลี่ยนอิริยาบถให้กายสั่นระริกขึ้นมานั่งบนตัก ใบหน้าเขินอายซุกอยู่ภายใต้ซอกคอแกร่งตลอด   
สมองของจันทร์เจ้าขาวโพลนคิดอะไรไม่ออกนอกจากคล้อยตามแรงกระตุ้น ร้องจนจะหมดเสียงแต่ก็ไม่มีท่าว่าความเจ็บปวดที่เปลี่ยนเป็นความสุขสมนี้จะหยุดลง
“อื้อ!” ไฟฟ้าช็อตไปทั่วร่างหลังของเหลวอุ่นพุ่งเข้ามาในตัวเขา กว่าเจ้าตัวจะสำเร็จความใคร่ไปครั้งหนึ่งเขาต้องถูกช่วยถึงสองครั้ง
“อยากตาย” จันทร์เจ้าคลายปลายเท้าของตัวเองที่เกร็งจนจะขยุ้มผ้าปูที่นอนได้แทนมือออกวางนิ่งไร้การขยับ คนฟุบพักช่วงยกใบหน้าที่ยังไม่เต็มอิ่มของตัวเองขึ้นหายใจกระสัน แล้วแท่งอุ่นที่ยังไม่ถอดออกจากจุดเชื่อมต่อก็ขยายใหญ่ขึ้นอีกครั้ง จันทร์เจ้าที่เพิ่งคิดว่าตัวเองรอดตายไปแล้วสะดุ้ง ยกมือขึ้นดันไหล่แกร่งเต็มกำมือออก
“พอเลยนะมึง”
“เอ๋ กูยังไม่ได้ออกแรงเลย”
“ไอ้คนโกหก”
“เมื่อกี้มึงยังบอกว่ามีความสุขจนอยากตายเลย”
“ไม่ใช่แล้วโว้ย” คนที่ตีความหมายได้เข้าข้างตัวเองสุดๆ เหมาะที่จะใช้ชีวิตอยู่คนเดียว
“อะ ไอ้มืด” ตัวของคนพยายามดิ้นหนีถูกพลิก ใบหน้าที่หันซุกลงบนฟูกถูกมือใหญ่ประคองกลับมา ใบหน้าใหญ่ก้มลงมาตามเอียงเข้าจูบมาจากทางด้านหลัง แม้เขาจะพยายามประท้วงภายในลำคอแค่ไหน พอท่อนล่างขยับอย่างเป็นงานก็คงขอให้หยุดไม่ได้
“อ๊า”
“บอกว่ารักกูสิ แล้วกูจะหยุด”
“โกหก” ข้อมือผอมถูกจับพลิก คนจากด้านบนก้มลงจูบเปลือกตาหยาดเยิ้ม คนขาวแดงเรื่อไปทั้งตัว แต่ก็อดที่จะฝากรอยจ้ำเพิ่มลงไปไม่ได้
“พูดไปมึงก็ไม่หยุดอยู่ดี”
“รู้ได้ไง ลองก่อนสิ”
จันทร์เจ้าเม้มริมฝีปากตัวเองลง แต่ก็ถูกแย่งไปครอบครองเหมือนไม่ปล่อยเวลาให้เขาคิด
“กู...เกลียดมึง”
ถ้อยคำสั้นๆ ที่เป็นตัวจุดประกายความรู้สึกของทั้งคู่มาจนถึงวันนี้ น่าแปลกที่ราหูไม่ได้รู้สึกเกลียด คำว่า เกลียด ที่ออกมาจากปากอีกฝ่าย มิหนำซ้ำยังรู้สึกต้องการจนดิ้นรนคว้ามันมา บางทีนะ บางที ไอ้เตี้ยของเขาอาจจะไม่รู้จักวิธีบอกรักใครก็ได้ เพราะงั้นจนกว่าจะเปลี่ยนคำว่าเกลียดจากปากมันให้เป็นรัก เขาจะคอยบอกจนกว่าจะเข้าใจเอง
“รักนะ”

วันจันทร์ที่ 18 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2562

ราหูจะอมจันทร์

วันจันทร์ที่ 13 วันเกิด

คนถูกจูบจนหมดแรงปรือดวงตาพร่าเลือนของตัวเองขึ้น ร่างสูงใหญ่ยกตัวเองขึ้นเหนือร่างใต้อาณัติเช็ดริมฝีปากที่เขรอะไปด้วยน้ำลายหวาน ก่อนจะดึงเสื้อยืดของตนออกจากกาย เผยให้เห็นกล้ามเนื้อมันเงาแม้อยู่ภายใต้ความมืด ทว่าแสงของดวงจันทร์ก็ยังสว่างไสวทอกระทบกายใหญ่
“จะทำอะไร” วิววันนี้น่ามอง กระตุ้นความกระสันจนยากจะอดกลั้น เสื้อบางถลกขึ้นไปบนลำคอเผยให้เห็นเรือนกายขาวผ่อง ที่ไม่ว่าแตะโดนตรงไหนก็มีรอยจ้ำขึ้นมา
“สอนให้มึงรู้ว่าคบกันเขาทำยังไง”
“กูรู้แล้ว ไม่ต้องเข้ามา”
“รู้จริงๆ เหรอ”
“เอ่อ”
ราหูจับแขนที่พยายามปิดหน้าของตัวเองอยู่กางออก ก้มลงจูบริมฝีปากช้ำอีกหน และอีกหน ก่อนจะวางมือเกรงจนกำแน่นนาบลงบนอก ที่มันกำลังสูบฉีดความร้อนแผดเผาทั่วร่างของเขา
“ไม่ชอบกูหรือไง”
“หา”
“ทุกอย่างนี้ทำเพื่อมึง”
“คืออะไร”
“ทั้งดูแลตัวเอง เล่นกีฬา เรียนให้เก่ง เก๊ก อยากจะเป็นคนที่ดูดีที่สุด ก็เพื่อมึง”
“อย่ามาพูดอะไรบ้าๆ นะ” คุณตำรวจครับ มีคนยอมรับว่าตัวเองเก๊กแล้วครับ
“กูก็คิดว่าตัวเองบ้ามากเหมือนกันที่หลงมึงขนาดนี้ ถ้าชอบคนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องพยายามแท้ๆ แค่ขยิบตาให้เขาก็ตามมาต้อยๆ แล้ว แต่กับมึงกูต้องสู้กับคนทั้งโรงเรียนโคตรจะบ้าเลย”
ตีความไม่ถูกเลยว่ากำลังด่าตัวเองอยู่หรือกำลังดูถูกคนอื่นอยู่กันแน่
“นี่ไอ้เตี้ย ทำขนาดนี้แล้วไม่อยากจับดูหน่อยหรอ”
“ไม่โว้ยไอ้โรคจิต” คนพอมีเรี่ยวแรงกลับมาดิ้นพล่าน แต่ใยจะสู้มือใหญ่ๆ ที่จับอยู่ และใบหน้าที่พยายามซุกไซ้มาตามซอกคอ
“ร่างกายนี้เพื่อมึงเลยนะ”
ถ้าพ่อแม่มึงได้ยินคงเสียใจแน่ อุตส่าห์ให้กำเนิดลูกมาแท้ๆ แต่เจ้าตัวดันมาบอกว่ายกให้คนอื่น
“เพราะงั้นร่างกายมึงก็ต้องเป็นของกูเหมือนกัน”
“ประเด็นมึงอยู่ตรงนี้สินะ ไอ้มืด ถอยไป ยะ อย่าจับ...”
มือใหญ่ที่ลูบไล่ไปตามหน้าท้อง จับที่แกนกลางความรู้สึกทำร่างกายเล็กกระจิดเพียงอยู่ใต้คนที่มีกำลังมหึมากว่าบิดเกลียว พยายามดึงข้อมือหนาออกแต่ก็ทำได้เพียงจับ หอบแฮ่กๆ ลำตัวสั่นสะท้านใต้กายแข็งเป็นหิน แต่ก็คงความอบอุ่น การร้องไห้อาจไม่ได้ช่วยให้เขาหนีจากวิกฤติคราวนี้เหมือนครั้งก่อน เพราะคนที่เอาแต่ซุกหน้าจูบหัวไหล่ของเขาไม่ยอมยกสายตาขึ้นมามอง เมื่อเจ้าหนูจันทร์น้อยแข็งขืนขึ้น มือที่จับอยู่บนเหนือผ้าก็สอดผ่านหัวกางเกงลงไป ความอุ่นสัมผัสกับความร้อน ลำตัวเกร็งโผเข้ากอดไหล่กำยำ ยิ่งปลายนิ้วที่แตะอยู่บนจันทร์น้อยหมุนวน เท้าของเขาก็ยิ่งครูดไปตามผ้าปูที่นอน ฝ่ามือภายใต้นั้นขยับอย่างมีชั้นเชิง บีบเค้นนวดคลึงจนแท่งเนื้อที่เต้นอยู่ภายในมือปวดตุบๆ จันทร์เจ้าฝั่งเขี้ยวลงไปบนหัวไหล่แกร่ง ระบายความเจ็บปวดที่พรั่งพรูออกมา เหมือนไฟฟ้าช็อตไปทั่วร่าง รู้สึกอยากตายขึ้นมาเดี๋ยวนั้น
ลมหายใจถี่หอบค่อยๆ จางลง จังหวะเดียวกับมือที่เขรอะของเหลวภายใต้เนื้อผ้าเลื่อนออกมา
“ไวจังน้า” ราหูเลียแผล็บของเหลวอุ่นบนมือ ขอไม่พูดว่ามันอร่อย แต่ก็เป็นรสชาติที่กระตุ้นสัญชาตญาณดิบขึ้นมาง่ายๆ ถ้าเกิดว่า...
“เฮ้ย!
ฟี้...
เสียงลมหายใจอ่อนๆ กับคนที่ขดตัวเข้ากอดตัวเอง ราหูมองคนที่หลับไปอึ้งๆ ความหื่นกระหายมลายไปกับใบหน้าใสซื่อที่ไม่ได้ไร้เรียงสาสักนิด
“อย่ามาหลับหนีกันนะโว้ย”
คนที่ร่างกายเบาโหย่งไปแล้วตบมือหาของที่ใช้กอดเป็นวิสัย ก่อนจะคว้าได้กายอุ่นขยับใบหน้าเข้าซุกมุดหาตรงที่ถูกใจเหมือนเด็กๆ และผล็อยหลับสนิทไป
โมโหจนอยากจะลักหลับ แต่พอคิดถึงเรื่องที่ถกเถียงกันจนจะแตกหักก็ไม่กล้าหื้ออือด้วย คงพยายามน่าดูถึงขนาดตามเขามาถึงนี่ ราหูผิดเองที่ไม่ได้ไลน์ไปหาทุกชั่วโมงอย่างที่สัญญา พอมาถึงก็ทะเลาะกับพ่อจนเขาหัวเสียขับรถออกไปและไม่ได้จับมือถืออีก มันยากที่จะทำเป็นสงบทั้งที่ภายในใจว้าวุ่น จากวันนั้นจนถึงวันนี้เขาก็ยังคงเป็นเด็ก ที่ไม่ยอมโตสักที
เอาเป็นว่าไปจัดการไอ้ที่พยายามดันซิปกางเกงออกมานี่ก่อน แต่พลันจะลุกไปใช้บริการห้องน้ำเหมือนทุกที คนที่ไม่เคยอยากจะแตะตัวเขากลับกอดกลมดิกไม่ยอมให้ขยับซะนี่
“เวร”